วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เกณฑ์สอบผ่านนโยบายไอซีทีของรัฐบาล ปี 2011 (แค่บ้างส่วน)

เกณฑ์ว่าสอบผ่านไม่ผ่าน ภายในระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง (ไม่ว่าจะ 4 ปีหรือ 1 ปี ก็ตาม) ไม่อยากเร่งรัดว่าต้องทำอะไรก่อน บางครั้งบางเรื่องมันทำได้ช้าบ้างเร็วบ้าง บางอันติดข้อกฎหมาย บางอันแค่แก้ไขได้ไม่ยาก ฯลฯ ดังนั้นผมให้โอกาสตลอดระยะเวลาของการทำงานในกระทรวงไปเลย

1.การเซนเซอร์สื่อ และริดรอดสิทธิ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น "โดยไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลผู้อื่น" ต้องได้รับการยกเลิก อิสระในการแสดงความคิดเห็นเป็นของประชาชนทุกคน โดยเฉพาะเว็บบอร์ดทางการเมืองอื่นๆ ซึ่งจะสามารถร่วมอภิปรายและแสดงความคิดเห็นได้

2.พัฒนาระบบราชการ โดยการใช้สื่ออิเลคทรอนิกส์ให้มากขึ้น ลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองโดยเฉพาะกระดาษ และให้ใช้วิธีการอนุมัติเอกสาร หรือส่งเอกสารระหว่างฝ่าย/หน่วย/องค์กร/บุคคล โดยการส่งเป็นระบบอีเมล หรือเป็นระบบการส่งอื่นๆ เพื่อให้ได้ความรวดเร็ว (แต่อนุโลมว่าบางสถานที่ที่ส่งเป็นแบบนี้ไม่ได้ก็ส่งเป็นกระดาษไป)

3.ร่วมมือกันพัฒนาระบบไอทีกับหน่วยงานภาครัฐอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเว็บไซต์กระจายข้อมูลข่าวสารสำคัญต่างๆเช่นราชกิจจานุเบกษา ที่ปัจจุบันสังเกตมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนผ่านไป 2 ปี เว็บสำคัญที่เป็นการประกาศข่าวสำคัญของราชการ ไม่สามารถใช้งานได้มาโดยตลอด (รวมถึงหน่วยงานอื่นๆเช่นกัน ต้องตรวจสอบใหม่ทั้งหมด)

4.ตั้งแผนก หรือหน่วยย่อยขึ้นมา เพื่อใช้ในการตรวจสอบดูแลเรื่องความผิดในการใช้เว็บไซต์ในทางมิชอบโดยเฉพาะ เช่นเว็บไซต์ประเภทลามก, สื่อละเมิดลิขสิทธิ์ และการขายหวยใต้ดินออนไลน์ที่ปัจจุบันรัฐบาลเก่าผ่านมา 2 ปี เว็บเหล่านี้ขึ้นเป็นดอกเห็ด ไม่ว่าจะเป็นหวยรัฐ หวยเถื่อน หรือหวยหุ้น ปราบอย่างจริงจัง

5.ให้การพัฒนาและความร่วมมือในการจัดการระบบทางเครือข่ายอินเตอร์เนต หรือเซอร์เวอร์ ร่วมกับองค์กรที่มีความจำเป็นต้องดำเนินงานบางอย่างร่วมกับระบบอินเตอร์เนต เช่น การประกาศผลสอบแอดมิชชั่น (ล่มทุกปี และล่มนานด้วย), ระบบการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะในวันที่มีปริมาณซื้อขายมากๆ ระบบจะล่มและล่มนาน การล่มเช่นนี้เป็นผลทำให้สูญเสียโอกาสที่สำคัญทางการเงิน "อย่างมหาศาล"

6.TOT CAT กทช. ยุบทั้งสามองค์กรแล้วรวมเข้าเป็น กสทช. ทั้งหมด และดำเนินนโยบายสัมปทานโดย กสทช. เป็นผู้ดูแลทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว รวมถึงระบบจัดเก็บและระบบต่างๆ ให้ร่วมมือกันเป็นแบบศูนย์ราชการขนาดใหญ่เพื่อดูแลเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ สัมปทานคลื่นความถี่ทุกอย่างทุกระบบที่เป็น

7.สัมปทานตามกฎหมาย จัดเก็บแบบ 40/60 โดย 40% เก็บเข้ารัฐ และ 60% ให้เป็นของเอกชน จัดเก็บโดยหักจากรายได้รวมทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่าย เช่น บริษัท ABC มีรายได้จากการดำเนินงานส่วนของการให้บริการคลื่นความถี่ 10,000 ล้านบาท ... 4 พันล้านต้องส่งเข้ารัฐทันที ส่วนอีก 6 พันล้าน ไปหักค่าใช้จ่ายเอาเอง และกำไรที่เหลือไปจัดสรรค์ใช้จ่ายและปันผลผู้ถือหุ้นเอา

8.เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเสนอความเห็นใหม่ๆ หรือการให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการดำเนินงานกับกระทรวง ICT โดยจัดเป็นงานประชุมสัมนาไตรมาสละ 1 ครั้ง เพื่อหาสิ่งที่ดีขึ้นในระบบเทคโนโลยี เพราะเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ต้องอัพเดทด้วยความรวดเร็วมาก

9.จัดตั้งทุนการศึกษาทางคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีเพื่อให้นักศึกษาที่มีความ สามารถในทางเทคโนโลยีโดยตรงสามารถขอทุนเพื่อศึกษาต่อได้ถึงระดับปริญญาโท (โดยมีเงื่อนไข) และต้องทำงานใช้ทุนไม่ต่ำกว่า 5 ปีให้กับกระทรวง ICT อย่างน้อยก็เพื่อป้องกันสมองไหลตั้งแต่ช่วงแรก เพราะหลังๆเห็นมีการจ้างนักศึกษาจบใหม่ที่เป็นหัวกะทิทางเทคโนโลยี ไปทำงานร่วมกับองค์กรเอกชนต่างประเทศ เป็นจำนวนมาก

10.Wifi, WiMax, หรือ 3G ฟรีทั่วประเทศ ตามนโยบายหาเสียง

ต้องทำให้ได้สำหรับผมแล้วเสนอ 10 ข้อ- ทำได้ ต่ำกว่า 4 ข้อ = ห่วย- ทำได้ 5 ข้อหรือมากกว่า = ก็แค่นั้น/งั้นๆ แต่ยังไม่ผ่าน- ทำได้ 6 ข้อหรือมากกว่า = ถือว่าสอบผ่าน แต่ก็ไม่ประทับใจ- ทำได้ 7 ข้อหรือมากกว่า = สอบผ่าน และมีทัศนคติที่ดี- ทำได้ 8 ข้อหรือมากกว่า = คุณเป็นรัฐมนตรี ICT ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา

แหล่งที่มา : คลิก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น